27 ตุลาคม 2551

การกราบไหว้บูชาพระ


การกราบไหว้บูชาพระ
เมื่อจะบูชาพระพุทธรูป โดยมี ดอกไม้ ธูปเทียนหรือจะไปพบพระโดยมี ดอกไม้ ธูป เทียน ก็เช่นเดียวกันให้ยกดอกไม้ ธูป เทียน นั้นพนมขึ้น “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” ๓ ครั้งแล้วกล่าว “พุทธังบูชามิ ธัมมังบูชามิ สังฆังบูชามิ” แล้วนำดอกไม้ ธูป เทียน บูชาพระพุทธรูปหรือถวายพระ กราบ ๓ ครั้ง (ให้บูชาด้วยจิต)
ถ้าไม่มีดอกไม้ ธูป เทียน ให้กล่าวคำเหล่านี้ต่อท้ายว่า “ลูกขอถวายสักการะบูชาพระองค์ด้วย กาย วาจา ใจ ของลูกนี้” กราบ ๓ ครั้ง (กล่าวด้วยจิต)
การใช้กรรมและการสร้างบารมีนั้นต้องมีจิตมั่นคง มีศีลบริสุทธิ์ ย่อมจะทำเหตุ ๒ ประการนี้สัมฤทธิ์ผลได้แน่ ก่อนอื่นต้องเชื่อพระพุทธเจ้าว่า เทพ เทวดา มีจริงไม่สงสัย มีความเพียรด้วยจิตอันบริสุทธิ์เพื่อใช้หนี้กรรม แม้ชีวิตของตนเองก็ยอมเพื่อหมดกรรมถึงการสร้างบารมีก็เช่นเดียวกัน ต้องมีเมตตาจิตแผ่กุศลบารมีที่สร้าง ใส่บาตรก็ดี สวดมนต์ก็ดี สร้างกุศลใดๆด้วยปัจจัย ๔ ก็ดี แผ่กุศลบารมีนั้นๆให้ทุกเวไนยสัตว์(ด้วยจิต) การใช้หนี้กรรมนั้น ส่วนมากจะใช้หนี้กรรมนั้นด้วยวิธีทำบุญกรวดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวรหรือมิฉะนั้นก็ถวายสังฆทาน การกระทำเช่นนั้น ขอให้พิจารณาดู เป็นการหยุดความชั่วขณะ เหมือนการกู้เงินธนาคารไม่ส่งต้นส่งแต่ดอกเบี้ย เพราะทำแต่ละครั้งหยุดไม่นาน โดยคิดว่าได้กระทำใช้หนี้กรรมแล้ว กรรมจะหมดได้ก็ต้องใช้กรรมเบื้องต้น (ด้วยจิต) เหมือนกับการส่งเงินต้นคืนธนาคารโดยผ่อนส่งเรื่อยไปจนกว่าจะหมดหนี้ ก่อนจะใส่บาตร ก่อนจะสวดมนต์ ก่อนจะสร้างกุศลใดก็ตาม ให้ตั้งจิตให้มั่นคงเชิญเจ้ากรรมนายเวรมารับการชดใช้หนี้กรรมและอโหสิกรรม ความบริสุทธิ์นี้จะช่วยลดกรรมได้ด้วยตั้งจิตขอให้โยมทั้งหลายพิสูจน์ด้วยตนเองเถิด
การกราบไหว้เพื่อขอสิ่งที่ตนเองอยากได้บนบานกราบไหว้ เทพ เทวดา เจ้าที่เจ้าทางทุกที่ทุกทางให้ตนได้สมปรารถนา ขอให้เมตตาตนนั้น จะถวายสิ่งนั้น สิ่งนี้ตามที่ตนคิดจะให้เมื่อสิ่งที่ต้องการได้ผลแล้ว ถ้าไม่ได้ผลก็อด ไม่ถวาย นี่แหละความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ขาดความเมตตา แม้แต่เทพเทวดาที่รักษาตนอยู่ก็ลืมไม่นึกถึงแล้วจะไปขอจากที่อื่น ใครจะให้แก่เรา ในเมื่อเกิดมามีกรรมเป็นของตน ก็คิดว่าไม่เคยสร้างกรรมในชาติปัจจุบัน กรรมเก่าฉันไม่รู้ สร้างบุญกุศลก็ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความเจริญขอให้ข้าพเจ้าจงมีโชคลาภ ยศฐาบรรดาศักดิ์จงมีแก่ข้าพเจ้าเถิด พิจารณาดูเถิดมนุษย์เห็นแก่ตัวไหม ไม่เชื่อในพระพุทธเจ้าให้ประพฤติปฏิบัติให้ใช้หนี้กรรม และสร้างบารมีในโลกนี้ สัตว์ทั้งหลายเกิดมาเพื่อใช้กรรม มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จะเกิดมาจากเปรต อสูรกาย เดียรฉาน เทวดา ก็ผลแห่งกรรมทั้งสิ้น อีกอย่างหนึ่งซึ่งมนุษย์อยากรู้ว่าตนมีสถานที่ก่อนเกิดมาจากไหน อาตมาให้ดูที่ตนเองนั่นแหละ มีความต้องการจะทำบุญใส่บาตรสร้างกุศลให้ตนเองและให้ผู้อื่นมีสุขนั่นแหละเกิดจากเทวดา แม้มีแต่ความคิดจะสวดมนต์ไหว้พระก็ยังมีความละอายกลัวว่าผู้อื่นจะหาว่างมงาย เหล่านี้อยู่ที่กรรมของผู้นั้น อาตมาเห็นจะพูดเรื่อยเปื่อยตามใจตนเองมากเกินไปแล้ว ขอวกเข้ามานำญาติโยมผู้ที่หวังผลในการใช้กรรมและสร้างบารมีในขณะเดียวกันคือ ใช้กรรมก่อน สร้างบารมีทีหลัง ตามขั้นตอนที่อาตมาจะแนะนำให้ “ทุกอย่างสำเร็จด้วยจิต” พระพุทธเจ้าสอนไว้ ก่อนจะเมตตาผู้อื่นต้องเมตตาตนเองก่อนถึงจะเมตตาช่วยผู้อื่น การปฏิบัติ
ประการแรก ต้องมั่นคงในความกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด สามารถรับกรรมและตายแทนได้
ประการที่สอง ต้องมีเมตตาต่อเทพเทวาที่รักษาตน และเมตตาต่อเทพเทวาเจ้าที่เจ้าทางที่เราอาศัยสถานที่อยู่ (ทุกสถานที่มีเทพเทวาเจ้าที่เจ้าทางรักษา)
ประการที่สาม เมตตาตัวเองในการที่จะใช้กรรมของเองด้วยความพร้อม (เชิญเจ้ากรรมนายเวรรับใช้หนี้)
ประการที่สี่ ขออัญเชิญบารมี พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เป็นเกราะแก้วคุ้มภัย เป็นแสงสว่างให้เห็นทางแห่งปัญญา ใช้หนี้กรรมและสร้างบารมี (ลืมบารมีพระพุทธเจ้า จะทำอะไรสำเร็จได้อย่างไร)
ประการที่ห้า สร้างกุศลใด เช่น ใส่บาตร สวดมนต์แล้วแผ่กุศลสร้างบารมีส่งให้ทุกเวไนยสัตว์ได้รับ (ทุกเวไนยสัตว์รวมถึง สัตว์เล็กสัตว์น้อย ญาติพี่น้อง อินทร์ พรหม ยม ยักษ์) ต้องใช้จิตเป็นที่ตั้ง ไม่ต้องออกเสียงด้วย “ทุกเวไนยสัตว์จงรับกุศลจากข้าพเจ้า”
หลวงพ่อโกหกจริง ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น